ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยยังคงซบเซา ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบจากปัญหานี้กันถ้วนหน้าและแน่นอนว่าธุรกิจร้านอาหารเองก็ไม่รอดเช่นกัน ทั้งยังได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ ทำให้ธุรกิจร้านอาหารส่วนใหญ่ต้องเริ่มปรับตัวเองให้ทันต่อสถานการณ์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นถ้าคุณอยากรู้ว่าร้านอาหารแบบไหนถึงจะอยู่รอดได้ในสถานการณ์แบบนี้ ลองมาดูรูปแบบร้านอาหารที่ถูกวิเคราะห์มาจากสถาบันด้านการตลาดชื่อดังว่ารอดแน่ คือ

1.ร้านริมทาง
ร้านอาหารริมทางหรือร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะราคาอยู่ในจุดที่ดี รสชาติถึงแม้จะไม่ได้ดีเลิศแต่ก็รับประทานได้และบางร้านยังให้รสชาติอร่อยอีกด้วย ด้วยความที่เศรษฐกิจซบเซาจึงทำให้คนส่วนใหญ่ที่ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านหันกลับมาหาร้านริมทางกันมากขึ้น จนทำให้ธุรกิจร้านอาหารสไตล์นี้มีปริมาณการเติบโตรวดเร็วที่สุดในบรรดาร้านอาหารทั้งหมด
2.ร้านสไตล์ Pop Up
ร้านอาหารสไตล์ Pop up จะเน้นเป็นการแตกยอดของร้านใหญ่ที่มีชื่อเสียงหรือร้านที่คนทั่วไปเข้าถึงยาก ถ้าต้องการทางรอดที่จะทำให้ร้านมีกำไรเพิ่มขึ้นและติดหูติดตาผู้คนมากขึ้น ให้เลือกทำร้านแบบ Pop up ที่เป็นการเปิดบูธขนาดเล็กในห้างสรรพสินค้าหรือในโซนด้านนอกของห้าง เน้นอาหารทานง่าย ทานเร็ว และสะดวก โดยร้านสไตล์นี้มีทั้งแบบตั้งเป็นสแตนเดี่ยวและมีทั้งแบบ Food Truck ที่สามารถวิ่งไปได้ทุกที่อย่างสะดวก ถ้าคุณเป็นร้านใหญ่ที่มีระดับก็อาจจะตกแต่งร้านให้ดูสวยเรียบหรูในราคาอาหารเท่าเดิม เพียงแต่เลือกเมนูที่ทำง่ายและราคาเข้าถึงได้ดีเป็นตัวชูโรง เพื่อทำให้อาหารของคุณขายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
3.ร้านที่เข้าสู่โลกออนไลน์
ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านหรูแค่ไหน ถ้าเข้าไม่ถึงตลาดออนไลน์คุณก็อาจจะสูญเสียฐานลูกค้าขนาดใหญ่ไปด้วย ดังนั้นคุณจึงควรพาร้านตัวเองเข้าสู่โลกออนไลน์ที่ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเว็บไซต์เดี่ยวที่เกี่ยวกับร้านคุณโดยเฉพาะ หรือเป็นการเข้าร่วมกับเว็บไซต์อาหารชื่อดังและการให้เข้ารีวิวต่างๆ ที่เกี่ยวกับอาหารภายในร้าน รวมไปถึงบรรยากาศของร้านผ่านทางโลกออนไลน์เพื่อให้ร้านของคุณเป็นจุดสนใจที่มีคนอยากจะมาลิ้มลองมากขึ้น
4.ร้านที่ยอมปรับเวลา
ร้านอาหารบางร้านเปิดแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วปิดหรือไม่เปิดเช้าตรู่ก็เปิดดึกมาก จึงทำให้โอกาสการไปรับประทานอาหารของกลุ่มเป้าหมายมีอุปสรรค ดังนั้นบางร้านจึงเริ่มปรับเวลาของตัวเองให้เปิดนานขึ้นหรือเหมาะสมต่อช่วงเวลาของการรับประทานอาหารจากกลุ่มเป้าหมายหลักมากขึ้น เช่น จากที่เคยเปิด 6.00 น.ถึง 8.00 น. ก็เริ่มขยายออกเป็น 7.00 น. ถึง 12.00 น. เป็นต้น การขยายเวลานี้ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้คนมาซื้อได้อาหารทันเวลาเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายไปทำงานตอนเช้า, รับประทานอาหารกลางวัน หรือซื้อกลับไปทานตอนเย็นได้ด้วย เป็นต้น
5.ร้านอาหารฟิวชั่น
ยุคนี้เราจะเห็นร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญคือเป็นอาหารราคาไม่สูงมากจนเกินไป ทำให้กลุ่มเป้าหมายของร้านค้าสูงขึ้นด้วยเช่นกัน อาหารสไตล์ฟิวชั่น คือ การนำอาหารในแต่ละรูปแบบหรือวัตถุดิบของแต่ละชาติมาผสมผสานจนกลายเป็นอาหารรูปแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร หรือเป็นเมนูส่วนตัวที่เจ้าของร้านคิดเองและเป็นเมนู signature ของทางร้าน เป็นต้น อาหารลักษณะนี้จะมีความแปลกใหม่แตกต่างไปจากอาหารเดิมๆ จึงทำให้ผู้คนหันมาสนใจมากขึ้น ส่วนบรรยากาศของร้านก็น่านั่งกว่าเดิม จึงดึงดูดสดความสนใจของลูกค้าทั้งกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และวัยผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ถ้าคุณต้องการรับประทานอาหารสไตล์ฟิวชั่นที่มีหลากหลายเมนูให้เลือก ทำให้คุณไม่ต้องเบื่ออาหารเดิมๆ อีกต่อไป ขอแนะนำอาหารจากทางร้าน on the table และ pepper lunch ที่จะมีอาหารอร่อยหลากหลายรูปแบบมี on the table menu ให้เลือกทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน มาพร้อมบริการ on the table delivery และ pepper lunch delivery ที่จะทำให้คุณรับประทานอาหารอร่อยอย่างรวดเร็วทันใจ แม้ว่าจะอยู่บ้านหรือที่ทำงานก็สั่งทานได้ทุกเมนูที่คุณต้องการ