Image Credit: Flava
ถ้าพูดถึง Dry Aged Beef อาจจะมีหลายๆ คนรู้สึกสงสัยว่าคืออะไร? แต่สำหรับคนวงในด้านอาหารและเชฟทั่วโลกจะรู้กันดีว่า คือ กรรมวิธีบ่มเนื้อวัวที่ชำแหละมาแล้วให้ยังคงรสชาติสดใหม่และดีอยู่เสมอ เมื่อนำไปประกอบอาหารเมนูใดๆ ก็ตามจึงจะยังให้รสชาติที่ดีเยี่ยม พร้อมไม่ทำให้คุณภาพของเนื้อน้อยลง เมื่อรับประทานคู่กับวัตถุดิบหรือเครื่องปรุงต่างๆ แล้วจะคงรสชาติของเนื้อเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน
Image Credit: Robb Report
Dry Aged Beef เป็นกรรมวิธีการแปรสภาพเนื้อวัวให้ยังคงคุณภาพ รสชาติ และสัมผัสที่ดีอยู่เสมอ แม้ว่าบรรดาเนื้อคุณภาพต่างๆ ที่ราคาสูงอย่างเนื้อริบอาย, เนื้อโกเบ หรือเทนเดอร์ลอยจะเป็นเนื้อที่มีรสชาติดีมาอยู่แล้ว แต่สำหรับคนเป็นเชฟกลับคิดว่ามันจะดีกว่านี้ถ้าสามารถบ่มเนื้อให้ออกมาเป็นเนื้อที่มีความนุ่มลึกกว่าเนื้อทั่วไป แม้ว่าเนื้อวัวในส่วนราคาสูงต่างๆ จะทำให้เรารู้สึกถึงความอร่อยในการนำมาทำปิ้งย่างหรืออาหารต่างๆ ก็ตาม แต่เนื้อในสไตล์ Dry Aged จะให้ความอร่อยที่ลึกล้ำมากกว่านั้นเป็นเท่าตัว จุดนี้เองจึงเกิดกรรมวิธีการบ่มเนื้อ Dry Aged ที่จะเน้นนำเนื้อวัวเข้าสู่วิธีการเก็บรักษาในห้องเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำเพียงแค่ 0-4 องศาเซลเซียส ใช้ระยะเวลาในการบ่มอยู่นานถึง 4 สัปดาห์ และบางแห่งก็อาจจะนานกว่านั้น จุดประสงค์ของวิธีนี้ คือ การทำให้เนื้อเปลี่ยนโครงสร้างของตัวเองด้วยวิธีทางธรรมชาติ นั่นคือการทำให้เอนไซม์ที่อยู่ภายในเนื้อทำการสลายเนื้อเยื่อและพังผืดของตัวเองจนกระทั่งเนื้อนุ่มลง พร้อมให้รสชาติที่นุ่มลึกมากกว่าปกติ เมื่อนำไปทำอาหารจึงทำให้เนื้อนุ่มเบาบางและให้กลิ่นหอมที่มากกว่าเดิม
ความเด่นของเนื้อสไตล์ Dry Aged คือการให้รสชาติที่อร่อยอย่างลงตัวและไม่ทำให้ความรู้สึกของเนื้อหายไปแม้ว่าจะปรุงกับอาหารรสชาติใดก็ตาม โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำไปหมักหรือใส่เครื่องปรุงกับเครื่องเทศใดๆ ลงไปหมักรวมกับเนื้อเลยแม้แต่น้อย การรับประทานจึงให้รสชาติเนื้ออร่อยแบบเต็มๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบ แต่กลายเป็นกลิ่นหอมหวนของเนื้อย่างที่เมื่อคุณลิ้มรสแล้วต้องรู้สึกติดใจไปอย่างยาวนาน เมื่อการบ่มจะช่วยทำให้เนื้อมีคุณภาพสูง วิธีการทำ Dry Aged จึงค่อนข้างยากและจะต้องใช้วิธีการดูแลที่ใกล้ชิดมาก เน้นเรื่องของอุณหภูมิที่จะต้องพอเหมาะ ความสะอาดต้องมีสูง ปัจจัยโดยรวมภายในตู้แช่และเนื้อจะต้องถูกต้องตามหลัก ที่สำคัญคือเรื่องความชื้นจะต้องเหมาะสมด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้เนื้อที่เข้าสู่กรรมวิธี Dry Aged เป็นเนื้อที่มีคุณภาพสูงโดยแท้ เรียกได้ว่ากรรมวิธีการบ่มเนื้อลักษณะนี้จะต้องเคร่งครัดและมีความระมัดระวังสูงเทียบเท่าการบ่มไวน์กันเลยทีเดียว ที่สำคัญคือตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมบ่มเนื้อไปจนถึงช่วงระยะเวลาของการบ่มค่อนข้างยุ่งยากและต้องใช้เวลานานเนื้อสไตล์นี้จึงมีราคาที่สูงมาก แต่ถ้าให้แลกกับความอร่อยและสัมผัสที่ดีเยี่ยมแล้วเชื่อว่านัก Test อาหารหลายๆคนยอมที่จะจ่ายราคาแพงเพื่อได้ลิ้มลองเนื้อ Dry Aged ดูสักครั้งอย่างแน่นอน
ถ้าคุณต้องการรับประทานอาหารอร่อยที่มีเมนูหลากหลาย พร้อมด้วยบริการส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ ขอแนะนำร้าน on the table ที่มี on the table menu หลากหลายรูปแบบ มาพร้อมบริการ on the table delivery ส่งตรงอาหารถึงบ้านคุณในระยะเวลารวดเร็ว รวมไปถึงร้าน pepper lunch อีกหนึ่งร้านอาหารอร่อยที่มีเมนูน่ารับประทานหลายเมนูและมีบริการ pepper lunch delivery ที่ส่งอาหารถึงที่ทำงานและที่บ้านอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน