อาทิตย์นี้เป็นวันเกิดเพื่อนของผมครับ เพื่อนบอกว่าอยากทานอาหารที่แปลกใหม่ไม่จำเจ ไม่เอาอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี อาหารอิตาเลี่ยน ฯลฯ ที่เคยทานมาแล้วก่อนหน้านี้ และที่สำคัญต้องอร่อยด้วย โจทย์ยากอีกละครับ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเรานะฮะ เวลานึกอะไรไม่ออก เราก็บอก Google สิครับ ลองถามดูว่า “ร้านอาหารแนะนำอร่อยๆในกรุงเทพฯ มีที่ไหนบ้าง?” ก็ขึ้นมาให้เราเลือกเต็มไปหมดเลยครับ แต่มาสะดุดใจกับอาหารประเภทหนึ่งซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าเพื่อนตัวดีของผมไม่น่าจะเคยทานแน่ๆ นั่นก็คือ “อาหารอาหรับ” นั่นเอง ในกรุงเทพนี้มีหลายร้านให้เลือกเลยครับ แต่ออฟฟิศที่ทำงานของเราอยู่แถวอโศก ที่ใกล้เราที่สุดเห็นจะเป็นร้านอาหารเลบานอนที่มีชื่อว่า “Al Rawche” ครับ ร้าน Al Rawche ตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 5 ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS นานา ซึ่งเดินทางไม่ไกลนัก เราสามารถไปฉลองกันได้หลังเลิกงานเลยครับ พอเราได้ร้านที่จะไปฉลองกันแล้ว ก็ไม่รอช้า ออกเดินทางกันเลย
ร้าน Al Rawche เป็นร้านอาหารเลบานอนของแท้และดั้งเดิมเลยครับ เครื่องเทศ และวัตถุดิบทุกอย่างสั่งนำเข้ามาจากเลบานอนและตะวันออกกลาง มีอาหารเมนูอร่อยให้เลือกถึงกว่า 100 เมนูให้ได้ลิ้มลองกัน ราคาก็สมเหตุสมผลครับ เพราะอาหารที่นี่แต่ละเมนูนั้นต้องขอบอกว่า จานใหญ่มากๆครับ ถ้ามีสมาชิกไปร่วมรับประทานกันไม่มาก ขอแนะนำว่าให้ค่อยๆสั่งมาทานทีละ 2-3 เมนูจะดีที่สุดครับ เพราะจะได้อาหารที่เพิ่งปรุงใหม่ๆร้อนๆ รสชาติจะดีมากครับ เมนูอาหารร้านนี้ทุกเมนูเป็นอาหารฮาลาล (Halal) แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ปรุงกับมือของเชฟเลบานอนที่เป็นมุสลิมแท้ๆ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆที่เป็นอิสลามสามารถทานได้อย่างมั่นใจเลยล่ะครับ
การตกแต่งร้านก็เรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ครับ สีที่ทางร้านใช้เป็นสีโทนเข้มให้ความรู้สึกที่ดูอบอุ่นเมื่อมาทานอาหารที่ร้าน ประดับผนังด้วยภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในประเทศเลบานอน ให้บรรยากาศเหมือนทานอาหารอยู่ในประเทศเลบานอนยังไงอย่างงั้นเลยล่ะครับ
เรามาถึงร้านก็ประมาณเกือบทุ่มนึงแล้ว คนเริ่มมาทานอาหารเย็นที่ร้านเยอะพอสมควรเลยครับ พนักงานที่ร้านให้การต้อนรับดีมากๆ พาเราไปนั่งโต๊ะที่ได้โทรมาจองไว้เรียบร้อย หลังจากนั้นพนักงานก็นำเมนูมาให้เลือกสั่งอาหารกันครับ ทั้งผมทั้งเพื่อนต่างก็ไม่เคยทานด้วยกันทั้งคู่ ก็เลยให้พนักงานเค้าแนะนำเมนูยอดนิยมของร้านนี้มาให้เราลองดู จะได้รู้กันไปเลยครับว่าอาหารอาหรับหรืออาหารตะวันออกกลางที่ขึ้นชื่ออย่างอาหารเลบานอนนี้ มีดีที่ตรงไหนบ้าง
เราเริ่มสั่งเครื่องดื่มกันก่อน เราอยากได้เครื่องดื่มสูตรเลบานอนที่ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที พนักงานที่ร้านก็เลยแนะนำให้เราลองสั่ง Fresh Fruit Cocktail ครับ ซึ่งเป็นน้ำผลไม้รวมที่มีมะม่วง, สัปปะรด, และแตงโม ปั่นรวมกันครับ ด้วยรสเปรี้ยวแบบพองามและหวานแบบกำลังดีของผลไม้ทั้งสาม ดื่มเข้าไปอึกแรกแล้วบอกได้เลยว่ารู้สึกสดชื่นขึ้นทันที
และก่อนที่เมนูต่างๆของเราจะมาเสริฟ พนักงานก็ยกอาหารเรียกน้ำย่อยซึ่งเป็นเมนูสมนาคุณ (complimentary) จากทางร้าน ก็คือ ขนมปังพิต้าอบกรอบโรยงาพร้อมผักดองแบบเลบานอนสีสันสดใสมาให้ทานเล่นระหว่างรออาหารครับ ทานไปเพลินๆเกือบหมดจาน
ไม่นานนักเมนูอาหารเรียกน้ำย่อยเมนูแรกที่เราสั่งก็มาเสริฟ เมนูนั้นก็คือ ขนมปังพิต้า (Pita Bread) กับ Hummus และ ครับ Hummus นี้เป็นอาหารที่ทำมาจากถั่วชิคพีบดละเอียดผสมกับซอสงาและน้ำมะนาว รสชาติออกเค็มๆมันๆอมเปรี้ยวเล็กน้อย ทานกับขนมปัง Pita Bread แล้วเข้ากันดีทีเดียวครับ
อาหารเรียกน้ำย่อยจานต่อมาก็คือ Cheese Rolls เป็นแป้งทอดพันกับชีสแท่งโตคล้ายปอเปี๊ยะทอด กัดไปคำแรกบอกเรยว่าฟินมากครับ คนรักชีสชอบชีสห้ามพลาดเมนูนี้เด็ดขาด
จานต่อมาเป็น Falafel ครับ จานนี้เป็นชิ้นนักเก็ตที่ทำจากถั่วปากอ้าบดผสมกับชิคพี เสิร์ฟพร้อมกับทาฮานาซอส รับโปรตีนจากถั่วไปเต็มๆ รสชาติถูกปากเรามากๆ
จานต่อมาคือ Fried Kibbeh เป็นเนื้อบดผสมกับข้าวยัดไส้เนื้อสับ หอมหัวใหญ่ และเมล็ดสน นำไปทอดเป็นก้อนคล้ายนักเก็ต รสชาติอร่อยดีครับ
จานต่อมา คือ Arayes Chicken เป็นเนื้อไก่สับผสมกับผักชีและหอมหัวใหญ่ เสิร์ฟในแป้งพิต้าอบจนกรอบ รสชาติอร่อยไม่แพ้จานอื่นๆเลยล่ะครับ
จานสุดท้ายสำหรับเมนูเรียกน้ำย่อยก็คือ Samusa Lamb ครับ เป็นแป้งทอดรูปร่างคล้ายกระหรี่ปั๊ป แต่ยัดไส้เนื้อแกะสับที่ปรุงกับผักชีและหัวหอมใหญ่ จานนี้รสชาติคล้ายเกี๊ยวซ่าแต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว โดยรวมแล้วอาหารเรียกน้ำย่อยทุกจานถือว่าผ่านครับ
อาหารทุกมื้อเราจะขาดผักไม่ได้ เราจึงสั่งสลัดมาเพิ่มครับ สลัดที่เราสั่งไปก็คือ สลัด Fattouch เป็นสลัดอาหรับที่ขึ้นชื่อเมนูหนึ่งซึ่งประกอบด้วยมะเขือเทศ ผักกาด แตงกวา ใบมิ้นต์ โรยหน้าด้วยขนมปังกรอบ ราดด้วยน้ำส้มสายชูและเดรสซิ่งมะนาวครับ รสชาติของสลัดจานนี้จึงออกเปรี้ยวชัดเจน ทานแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลยล่ะครับ
จานต่อมาคือ สลัด Tabouleh จานนี้เป็นสลัดที่ประกอบไปด้วยผักชีหั่น มะเขือเทศ ข้าวสาลีบด ราดด้วยเดรสซิ่งมะนาวและน้ำมันมะกอก จานนี้พวกเราในกลุ่มมีความเห็นตรงกันว่าอร่อยเลยครับ ได้ความสดของผักทุกชนิด บวกกับรสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ เอาไว้ทานตัดเลี่ยนกับเมนูเนื้อจานหลักที่เราสั่งได้ดีเลยทีเดียวครับ
เมนูต่อมาเป็นอาหารจานหลักที่เราได้สั่งไว้ นั่นก็คือ Zaatar (Thyme) Mankushe และ Cheese Mankushe ครับ สองจานนี้เป็นแผ่นแป้งพิต้าอบโรยหน้าด้วยท้อปปิ้งต่างๆคล้ายกับโรตีของอินเดียหรือพิซซ่าของอิตาเลียนเลยครับ แต่รสชาติจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมเฉพาะของแต่ละที่ จานแรก Zaatar (Thyme) Mankushe เป็นแผ่นแป้งพิต้าอบโรยหน้าด้วย Lebanese Thyme หรือใบโหระพาอาหรับและเครื่องเทศเลบานอนครับ แผ่นแป้งมีความกรอบนอกนุ่มใน รสชาติจะออกเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วน Cheese Mankushe นั้นเป็นแป้งพิต้าอบโรยหน้าด้วยชีสหลากชนิด จานนี้รสชาติจะคล้ายๆพิซซ่าชีสเลยล่ะครับ สำหรับใครที่ชอบชีสเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว จานนี้เป็นอีกจานหนึ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดครับ ทั้งสองจานที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จะเอาไว้ทานคู่กับอาหารจานหลักที่เป็นเนื้อหรือทานกับ Hummus หรือจะทานเปล่าๆก็ได้ครับอร่อยไม่ต่างกันเลย
จานต่อมาที่ถูกยกมาเสิร์ฟมีชื่อว่า Motabbal ครับ จานนี้เป็นมะเขือยาวบดผสมกับน้ำมันงาและน้ำมะนาว รสชาติคล้ายๆ Hummus เลยครับ แต่จะออกรสไปทางผักมากกว่าถั่ว และเนื้อจะค่อนข้างเบากว่า Hummus นั่นก็เป็นเพราะใช้มะเขือยาวเป็นส่วนผสมนั่นเอง จริงๆแล้วทั้ง Hummus และ Motabbal ใช้ทานคู่กับเมนูต่างๆได้เกือบทุกเมนูเลยก็ว่าได้ครับ เทียบกับอาหารไทยเราก็คล้ายๆกับน้ำพริก เพียงแต่รสชาติอาจจะแตกต่างกันออกไปบ้างตามส่วนผสมที่ใช้นั่นเอง
จานต่อมา ถือเป็นไฮไลท์ของมื้อนี้เลยทีเดียว นั่นก็คือ Mixed Grill Deluxe จานยักษ์ ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อย่างนานาชนิด ประกอบไปด้วย คาฟต้า (หรือลูกชิ้นเนื้อแบบอาหรับ) 3 ชิ้น ไก่ 2 ชิ้น เนื้อแกะ 2 ชื้น เนื้อแกะติดกระดูก 3 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมกับหอมหัวใหญ่ ผักชี และมะเขือเทศ จัดจานอย่างสวยงามและใหญ่อลังการมากๆครับ จานนี้มีขนาดรับประทานประมาณ 3-4 คนเห็นจะได้ ขอแนะนำว่าให้ทานตอนที่ยังร้อนๆอยู่นะครับ เนื้อที่ย่างมาจะนุ่มมากๆและยังมีกลิ่นหอมน่ารับประทานอีกด้วยครับ
หลังจบมื้อนี้แล้ว พวกเรามีความเห็นตรงกันว่า ทุกเมนูเราให้ “ผ่าน” ครับ ไม่เพียงแต่อาหารอร่อยเท่านั้น พนักงานที่ร้านก็ให้บริการเป็นอย่างดีอีกด้วย สรุปว่ามื้อนี้ คุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆครับ ไม่แปลกใจเลยที่ร้านนี้มีคนรอคิวทานอาหารเย็นแน่นร้านเกือบทุกวัน สำหรับใครที่วางแผนจะมาดินเนอร์ช่วงเย็นๆ ถ้าเป็นไปได้โทรมาจองโต๊ะก่อนก็จะดีนะครับ หรือจะ Walk-in เข้ามาแบบพวกผมก็ได้ถ้ายังไม่เย็นจนเกินไป สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารอาหรับอร่อยๆสไตล์เลบานอนแบบนี้ ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ foodpanda อยากแนะนำให้คุณๆได้ไปลองทานกันครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หรือหากใครไม่อยากรอคิวนานๆเพื่อทานอาหารอร่อยๆจาก Al Rawche ก็สามารถสั่งอาหารเดลิเวอรี่ผ่าน foodpanda ให้ไปส่งถึงบ้านคุณได้ทันที ทั้งสะดวกและอร่อยแบบนี้ ลองสั่งมาทานกันดูนะครับ แล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับว่าเมนูไหนจากร้าน Al Rawche ที่เป็นเมนูโปรดของคุณ 🙂
[googlemaps https://www.google.com/maps/embed?pb=!1m14!1m8!1m3!1d31003.806331086776!2d100.56025094197574!3d13.750156727869815!3m2!1i1024!2i768!4f13.1!3m3!1m2!1s0x30e29ee70fb6d623%3A0xf80031693b142fba!2sAl+Rawche!5e0!3m2!1sth!2sth!4v1477977743866&w=600&h=450]
Thomp is the online marketing people who loves eating as well as travelling. He loves to write about food and travel in his free time. Moreover, he aims to travel and eat delicious menus through all continents around the world and create one Youtube Channel to share his experiences to those who love to eat internationally.